A:
ให้ระบุราคาขายปลีกแนะนำ ตามแบบแจ้งราคาขายปลีกแนะนำ (ภส.02-01) ในช่อง Deducted Amount ยกเว้นกรณี
A:
A:
A:
พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 ภาค 4 ประเภท 1 บัญญัติให้ยกเว้นอากรขาเข้ากับสินค้านำเข้าที่พิสูจน์ได้ว่า เป็นสินค้าที่ผลิตในราชอาณาจักรและไม่ได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรใดๆที่ได้ส่งออกไปต่างประเทศและนำกลับเข้ามาโดยไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะหรือรูป หรือเป็นสินค้าต่างประเทศ ที่ได้เคยนำเข้ามาในประเทศไทย และชำระค่าภาษีอากร และได้ส่งออกไปต่างประเทศ โดยไม่ได้ขอคืนอากรขาเข้า และได้นำกลับเข้ามา โดยไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะหรือรูปร่าง ดังนั้นหากสินค้าของท่าน เป็นไปตามข้อกำหนดดังกล่าว โดยสามารถพิสูจน์ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่กรมศุลกากรกำหนด การนำกลับเข้ามาขายในประเทศ จะไม่ต้องเสียภาษีอากรขาเข้า แต่หากไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว ของนั้นต้องชำระค่าภาษีอากร
A:
ศบ. ย่อมาจาก ศุลกากรทางบก เป็นแบบรายงานยานพาหนะและสินค้าที่บรรทุกมาในยานพาหนะนั้นๆ เทียบได้กับ บัญชีสินค้าสำหรับเรือ (Manifest) ปัจจุบันสามารถส่งได้ทั้งอิเล็กทรอนิกส์ หรือ มายื่นเป็นกระดาษกับเจ้าหน้าที่ที่ด่านพรมแดน เมื่อผ่านด่านพรมแดนจะได้เลขที่บัญชีสินค้าทางบก เป็นเลข 17 หลัก ต้องเอาไปใส่ในช่องเลขที่ใบตราส่งในใบขนสินค้าขาเข้า เช่น รถยนต์หมายเลข 11111 ขนส่งของมาทั้งหมด 2 ราย
1. นาย ก ผ้า 5 กล่อง น้ำหนัก 100 กก.
2. นาย ข. เสื้อ 20 กล่อง น้ำหนัก 2000 กก.
ยื่น ศบ.1 ที่ด่านพรมแดน ได้เลขที่ 5141 02 11 100000215
ในการทำใบขนฯจะแยกยื่นเป็นของแต่ละคน ของนาย ก. จะนำเลข 17 หลักไปใส่ในช่อง Master Bill of Lading นำรายการที่ 1 ไปใสในช่อง House Bill of Lading ปกติ ถ้าใน ศบ. มีรายการเดียว จะทำใบขนฯ 1 ฉบับ ตามจำนวนของที่บรรทุกมา แต่เนื่องจากมีของบางอย่างนำเข้าหลายเที่ยวในวันเดียวกัน และประสงค์จะขอทำใบขนฯรวมฉบับเดียว หรือ เป็นของที่นำเข้าหลายวันเนื่องจากไม่สามารถมาในวันเดียวกันได้ เช่น สินค้าเกษตร กรมศุลกากรอนุญาตให้ทำใบขนสินค้าใบเดียวได้ต่อเมื่อเป็นของไม่มีอากร และ VAT โดย ดำเนินการ ดังนี้
1. กรณีรถทุกคันมาถึงด่านศุลกากรทั้งหมด รถแต่ละคันที่มาถึงด่านพรมแดน ต้องยื่น ศบ. ของแต่ละคัน แล้วรวมจำนวนของโดยทำใบขนฯใช้เลข ศบ.1 เที่ยวแรก วันนำเข้าตามรถเที่ยวแรก และศุลกากรจะเป็นผู้ดำเนินการรวม ศบ. ของทุกคันในใบขนฯ โดยนำเลขที่ ศบ. และ เลขทะเบียนรถทุกคันมาบันทึกในใบขนฯ เรียกว่า รวม ศบ. จากนั้น หากเป็นของที่ต้องมีใบอนุญาต ต้องไปติดต่อหน่วยงานที่กำกับเรื่องใบอนุญาตเพื่อส่งข้อมูลเข้ามาในระบบใบอนุญาต แล้วจึงจะไปชำระค่าภาษีอากร และตรวจปล่อยของไปจากศุลกากร
2. กรณีรถมาหลายวัน และ จะขอทำใบขนฯใบเดียวและขอตรวจปล่อยตามรถแต่ละคัน เรียกว่า ตรวจปล่อยบางส่วน (Partly) ซึ่งเป็นอำนาจของ นายด่านฯที่จะอนุมัติให้ตรวจปล่อยเป็นบางส่วนไปก่อนก็ได้ โดยไม่ต้องรอรถทั้งหมดที่ทยอยมา ปัจจุบันใช้กับของที่ได้รับสิทธิไม่ต้องชำระอากรและภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น สินค้าเกษตร
เมื่อรถคันแรกมาถึง จะใช้เลข ศบ. ของรถคันแรกทำใบขนฯตามจำนวนทั้งหมดที่จะนำเข้าและใช้วันนำเข้าตามรถเที่ยวแรก และ ผู้นำเข้ายื่นคำขอตรวจปล่อยบางส่วน เมื่อได้รับอนุมัติจะมีการตรวจปล่อยสินค้าแต่ละเที่ยว จนกว่ารถทั้งหมดจะมาครบ ในขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการเหมือนรถมาพร้อมกันในวันเดียวกัน ใบขนสินค้าจะสมบูรณ์ในวันสุดท้าย แต่เนื่องจากเป็นของที่ไม่มีค่าภาษีอากรจึงไม่มีข้อกังวลใดๆ
A:
ในความหมายของศุลกากร คำว่า "ตัวอย่างสินค้า" มี 2 แบบ คือ
A:
- สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์กรมศุลกากร ระบบ e-tracking
- ไปที่เมนู “Vessel”
- ใส่รายละเอียดที่ต้องการในแต่ละช่อง แล้วกด “search” ดังตัวอย่าง
A:
A:
A:
A:
A:
A:
A:
หากท่านได้รับใบแจ้งเตือนให้ชำระค่าธรรมเนียมในการดำเนินพิธีการทางศุลกากร จาก กองกฎหมาย ซึ่งเป็นหนี้ค้างเก่า ท่านสามารถดำเนินการดังนี้
A:
การขอคืนค่าธรรมเนียมในการดำเนินพิธีการทางศุลกากรตามใบแจ้งหนี้ทุกกรณี ให้ติดต่อฝ่ายอากรถอนคืน ส่วนบริหารรายได้ สำนักงานเลขานุการกรม กรมศุลกากร หมายเลขโทรศัพท์ 02-6676150 หรือ 02-6677000 ต่อ 4553
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะต้องมีการลงทะเบียนเลขที่บัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อความประสงค์ในการขอคืนเงินอากรแล้ว หากยังไม่ได้ลงทะเบียนให้แจ้งเพิ่มเติมโดยยื่นแบบคำขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลทะเบียน (แบบคำขอหมายเลข 7 และแบบแนบ จ) พร้อมหลักฐานประกอบตามที่กำหนดไว้ในประกาศกรมศุลกากรที่ 64/.2561 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ได้ที่หน่วยรับลงทะเบียนของกรมศุลกากร
A:
สามารถตรวจสอบข้อมูลการลงทะเบียนได้ที่ส่วนทะเบียนและสิทธิพิเศษ กองมาตรฐานพิธีการและราคาศุลกากร หมายเลขโทรศัพท์ 02-667-7000 ต่อ 20-4630, 20-4631 และ 20-6488 [>
A:
ราคา CIF มีเงื่อนไขการส่งมอบคือผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้าเมื่อสินค้าวางบนเรือ ณ ต้นทาง และผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบในการทําพิธีการส่งออก รวมทั้งทำสัญญาการขนส่ง จ่ายค่าระวางเรือ และค่าประกันภัย เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงต่อความสูญหายหรือเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่งสินค้าจนถึงท่าเรือปลายทางที่ระบุ
ราคา FOB มีเงื่อนไขการส่งมอบคือผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบเมื่อสินค้าวางบนสินค้า ณ ท่าเรือต้นทาง ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบการทําพิธีการส่งออก ผู้ซื้อจะรับภาระในการทำสัญญาการขนส่ง จ่ายค่าระวางเรือ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมทั้งค่าประกันภัยเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงต่อความเสียหายของสินค้าจากจุดส่งมอบ (ท่าเรือต้นทาง)
ตามกฎหมายศุลกากรบัญญัติว่า ราคาศุลกากรสำหรับของที่นำเข้าต้องรวมค่าประกันภัย ค่าขนส่ง ค่าขนของลง ค่าขนของขึ้น และ ค่าจัดการต่างๆที่เกี่ยวกับการขนส่งของมา ยังท่า หรือที่หรือสนามบินศุลกากร ที่นำเข้า ดังนั้น กรณีราคาที่ตกลงซื้อขายกัน เป็นเงื่อนไขที่ไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายข้างต้นเหล่านั้นไว้ เมื่อจะสำแดงราคาของที่นำเข้าในใบขนสินค้า จำเป็นที่จะต้องปรับราคานั้นๆให้เป็นราคา CIF
กฎหมายศุลกากรให้อำนาจอธิบดีกรมศุลกากรในการออกประกาศกำหนดมูลค่าที่เกี่ยวกับค่าประกันภัย ค่าขนส่ง ค่าขนของลง ค่าขนของขึ้น และ ค่าจัดการต่างๆที่เกี่ยวกับการขนส่งของมายังท่า หรือที่ หรือสนามบินศุลกากร ที่นำเข้า อธิบดีกรมศุลกากรได้กำหนดวิธีการไว้ ดังนี้กรณีนี้อาจเกิดขึ้นจากเป็นของที่ซื้อขายกันโดยมีเงื่อนไขส่งมอบทางเรือและเป็นราคา CIF ทางเรือ แต่ผู้ขายส่งของมาให้ผู้ซื้อทางอากาศ การสำแดงราคาเพื่อคำนวณค่าภาษีอากร ต้องเป็นราคารวมค่าขนส่งและค่าประกันภัยทางอากาศ ผู้นำเข้าต้องแปลงราคา CIF ทางเรือ ให้เป็น CIF ทางอากาศ หากสามารถทราบราคาค่าขนส่งทางเรือให้นำจำนวนดังกล่าวมาหักออกได้ แล้วบวกด้วยค่าขนส่งทางอากาศยานที่ผู้ขายหรือผู้ส่งของออกได้ชำระไป แต่หากไม่ทราบค่าขนส่งทางเรือที่จะนำมาหักออก อธิบดีกรมศุลกากรกำหนดว่า ให้คำนวณค่าขนส่งของทางเรือในอัตราร้อยละ 10 ของราคาของ
A:
พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 ภาค 4 ประเภท 1 บัญญัติให้ยกเว้นอากรขาเข้ากับสินค้านำเข้าที่พิสูจน์ได้ว่า เป็นสินค้าที่ผลิตในราชอาณาจักรและไม่ได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรใดๆที่ได้ส่งออกไปต่างประเทศและนำกลับเข้ามาโดยไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะหรือรูป หรือ เป็นสินค้าต่างประเทศที่ได้เคยนำเข้ามาในประเทศไทยและชำระค่าภาษีอากรและได้ส่งออกไปต่างประเทศโดยไม่ได้ขอคืนอากรขาเข้า และได้นำกลับเข้ามาโดยไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะหรือรูปร่าง ดังนั้นหากสินค้าของท่านเป็นไปตามข้อกำหนดดังกล่าว โดยสามารถพิสูจน์ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่กรมศุลกากรกำหนด การนำกลับเข้ามาขายในประเทศจะไม่ต้องเสียภาษีอากรขาเข้า แต่หากไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว ของนั้นต้องชำระค่าภาษีอากร
A:
A:
A:
A:
A:
A:
โดยทั่วไป ของที่นำเข้ามาใน หรือ ส่งออกนอกราชอาณาจักร หากเป็นของที่มีกฎหมายควบคุมการนำเข้ามาในหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร ผู้นำเข้า ผู้ส่งออกต้องดำเนินการให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายอื่นกำหนด เขตปลอดอากร เป็นพื้นที่พิเศษที่มีกฎหมายศุลกากร ยกเว้นหลักการดังกล่าวไว้ตามมาตรา 152 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 ดังนี้
ของที่มีบทกฎหมายอื่นควบคุมเกี่ยวกับมาตรฐานหรือคุณภาพ การประทับตรา หรือ เครื่องหมายใด ๆ หากนำของนั้นจากนอกราชอาณาจักรเข้าไปในเขตปลอดอากรทุกพื้นที่ในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการอื่นใดเพื่อการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ผู้นำเข้า และผู้ส่งออก ไม่ต้องขออนุญาตหน่วยงานที่กำกับควบคุม การบันทึกข้อมูลในใบขนสินค้าขณะนำเข้า / ส่งออก ในส่วนข้อมูล “ใบอนุญาตฯ” ให้บันทึกดังนี้
ของที่มีบทกฎหมายอื่นควบคุมเกี่ยวกับการนำเข้ามาในราชอาณาจักร การส่งออกไปนอกราชอาณาจักร การครอบครองหรือการใช้ประโยชน์ซึ่งของนั้น หากนำของนั้นเข้าไปในเขตปลอดอากรเฉพาะพื้นที่ที่กำหนดในกฎกระทรวง เท่านั้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการอื่นใดเพื่อการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ผู้นำเข้า / ผู้ส่งออก ไม่ต้องขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เขตปลอดอากรที่กำหนดในกฎกระทรวง คือ
การบันทึกข้อมูลในใบขนสินค้าขณะนำเข้า / ส่งออก ในส่วนข้อมูล “ใบอนุญาต” สำหรับของที่ต้องมีใบอนุญาตฯ ไม่ต้องบันทึกข้อมูลใดๆ ระบบคอมพิวเตอรของกรมศุลกากรจะตรวจสอบความถูกต้องในเรื่องใบอนุญาตฯ จากเลขทะเบียนสิทธิประโยชน์ทางภาษ๊อากร (Tax Incentive ID)
กรณีที่มีการปล่อยของที่ได้รับยกเว้นใบอนุญาตฯ ตามข้อ 1 และ ข้อ 2 ออกจากเขตปลอดอากรเพื่อใช้หรือจำหน่ายในราชอาณาจักร กฎหมายศุลกากรกำหนดให้ผู้นำเข้า ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องนับแต่วันที่นำออกจากเขตปลอดอากร โดยถือเสมือนของนั้นได้นำเข้ามาในราชอาณาจักรในวันที่นำออกจากเขตปลอดอากร ดังนั้น ผู้นำเข้าที่จะนำของออกจากเขตปลอดอากรต้องดำเนินการเรื่องการขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยวิธีการเดียวกันกับกรณีของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร
อย่างไรก็ดี หากผู้นำเข้าประสงค์จะดำเนินการในเรื่องการอนุญาตนำเข้า ก่อนการนำของเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ใช้บทยกเว้นดังกล่าว ก็สามารถดำเนินการได้ตามปกติเช่นเดียวกับการนำเข้าอื่น ๆ การบันทึกข้อมูลขณะนำเข้าในใบขนสินค้าขาเข้าที่นำของเข้าเขตปลอดอากรให้บันทึกเช่นเดียวกับการนำเข้าปกติ ในกรณีที่มีการนำของดังกล่าวออกจากเขตปลอดอากรไม่ว่าในสภาพใดก็ตาม ในใบขนสินค้าขาเข้าที่ขอนำของออกจากเขตปลอดอากรประเภท “P” ให้บันทึกข้อมูลในส่วนต่างๆดังนี้
A:
การนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร ต่อมาภายหลังผู้นำเข้ามีความประสงค์จะส่งสินค้ากลับออกไป สามารถยื่นคำร้องขอปฏิบัติพิธีการส่งของกลับออกไปนอกราชอาณาจักร (Re-Export) ตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560 ได้ แต่หากสินค้านั้นเป็นของควบคุมการนำเข้า ของนั้นต้องได้รับอนุญาตให้นำเข้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน จึงจะสามารถดำเนินการส่งของกลับได้ เครื่องมือแพทย์เป็นสินค้าที่ต้องมีใบอนุญาตก่อนนำเข้าจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดังนั้น เมื่อนำเข้ามาและประสงค์จะขอส่งกลับ สามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี
A:
การยื่นสูตรการผลิตจะต้องยื่นก่อนการส่งออกสินค้า เพื่อนำเลขที่สูตรการผลิต ไปบันทึกในใบขนสินค้าขาออกของผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปต่างประเทศ
A:
A: